ผู้หญิงยุคใหม่ กับ โรคยอดฮิต และ การดูแลสุขภาพ
8 มีนาคมของทุกปีถือเป็น “วันสตรีสากล” วันสำคัญที่ทั่วโลกจะได้รำลึกถึงการต่อสู้ของผู้หญิงในอดีต เพื่อสิทธิและโอกาสที่เท่าเทียม ทั้งในด้านการศึกษา อาชีพ การเมือง และสังคม ทำให้ปัจจุบันผู้หญิงมีบทบาทมากขึ้นในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคม
การที่ผู้หญิงมีบทบาทมากขึ้น ก็ต้องให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพมากขึ้นตามไปด้วย เพราะร่างกายของผู้หญิงมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาตั้งแต่วัยเด็ก เข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ วัยผู้ใหญ่ ไปจนถึงวัยหมดประจำเดือน ซึ่งบางครั้งการเปลี่ยนแปลงของร่างกายในแต่ละช่วงวัยก็อาจนำมาซึ่งความผิดปกติและโรคต่างๆ ได้ง่าย โดยเฉพาะโรคยอดฮิตที่พบมากในหญิงไทยในขณะนี้ ได้แก่
1. เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ หรือ ช็อกโกแลตซีสต์ (Chocolate Cyst) ซึ่งทำให้มีอาการปวดประจำเดือนอย่างรุนแรง ปวดหน่วงลงทวารหนักช่วงมีประจำเดือน ซึ่งจะเกิดขึ้นในกรณีที่รอยโรคอยู่ติดกับลำไส้ เจ็บอุ้งเชิงกรานขณะมีเพศสัมพันธ์และมีบุตรยาก
2. เนื้องอกในมดลูก จะมีเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอดหรือมีประจำเดือนมากกว่าปกติอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งมักทำให้เกิดอาการหน้าซีด เป็นลม เหนื่อยง่าย เนื่องจากสูญเสียเลือดจำนวนมาก ปัสสาวะบ่อยเนื่องจากมดลูกโตขึ้นไปเบียดกระเพาะปัสสาวะหรืออาจมีอาการท้องผูก หากมดลูกกดเบียดทวารหนัก ท้องโตขึ้นหรือคลำพบก้อนในช่องท้อง เจ็บปวดท้องน้อย เป็นต้น
3. ช่องคลอดอักเสบจากแบคทีเรีย หรือเชื้อรา โดยจะสังเกตได้จากตกขาวมีสีและกลิ่นผิดปกติ คัน ระคายเคืองบริเวณปากช่องคลอด และมักรู้สึกเจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์
สัญญาณความผิดปกติซึ่งอาจเป็นสิ่งบ่งชี้การเกิดโรคฮิตเหล่านี้ เป็นเรื่องที่ผู้หญิงยุคใหม่ต้องใส่ใจและไม่ควรมองข้าม หากมีความผิดปกติเกิดขึ้นควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที นอกจากนั้น ผู้หญิงยุคใหม่ควรใส่ใจสุขภาพ ด้วยการออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ รักษาอารมณ์และสภาพจิตใจไม่ให้เกิดความเครียดมากเกินไป รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่
การรักษาสมดุลลำไส้ : จุดเริ่มต้นที่ดีของการดูแลสุขภาพ
ลำไส้ถือเป็นแหล่งรวมของจุลินทรีย์ทั้งที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ และชนิดที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย โดยจุลินทรีย์ทั้งสองชนิดนี้ จะคอยควบคุมซึ่งกันและกัน ซึ่งทำให้ลำไส้มีความสมดุล แต่กระนั้น ก็มีหลายสาเหตุที่ทำให้จุลินทรีย์ชนิดไม่ดีมีจำนวนมากกว่า ซึ่งทำให้ลำไส้เสียสมดุล เช่น อายุที่เพิ่มขึ้น การกินยาบางชนิดเป็นประจำ การกินอาหารแปรรูปหรือดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ เมื่อลำไส้เสียสมดุลก็จะเกิดผลกระทบต่อร่างกาย เช่น เกิดอาการท้องเสีย น้ำหนักตัวเพิ่มหรือลดลงอย่างเฉียบพลัน มีอาการระคายเคืองผิวหนัง นอนไม่หลับ อ่อนเพลียและภูมิคุ้มกันร่างกายบกพร่อง เป็นต้น ดังนั้น การเพิ่มจำนวนจุลินทรีย์ชนิดดีในลำไส้ จึงช่วยส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกัน ระบบการย่อยอาหาร และยังเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพโดยรวม ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ผู้หญิงยุคใหม่ไม่ควรมองข้าม
วิธีเพิ่มจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ให้กับลำไส้
“โพรไบโอติกส์” (Probiotics) เป็นจุลินทรีย์มีชีวิตชนิดที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ช่วยฟื้นฟูลำไส้ และปรับปรุงระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย โดยการสร้างเกราะป้องกันเยื่อบุผิวลำไส้ ไม่ให้เชื้อโรคเกาะติดกับผิวของลำไส้ได้
การเติมโพรไบโอติกส์ให้กับร่างกายนั้น ทำได้โดยการเลือกทานเป็นโพรไบโอติกส์โดยตรงหรือทานจากอาหารที่อุดมไปด้วยโพรไบโอติกส์ เช่น โยเกิร์ต นมเปรี้ยว ซุปมิโสะ กิมจิ และชาหมักหรือคอมบูชะ
แนะนำ ชาหมัก เฟอร์เมนเต้ (Fermenthé Kombucha) อร่อยดื่มง่าย ได้ประโยชน์หลายด้าน
ชาหมัก Fermenthé ผ่านกระบวนการผลิตที่พิถีพิถัน ตั้งแต่การคัดเลือกเฉพาะใบชาเขียว ชาดำและชาอู่หลงระดับพรีเมี่ยม มาหมักทำคอมบูชะเข้มข้น โดยใช้เวลาหมักนานถึงประมาณ 1 เดือน เพื่อให้ได้สารสำคัญที่มีประโยชน์ต่อร่างกายสูงที่สุด โดยผสมกับน้ำผึ้งชั้นดีเพื่อให้มีรสชาติอร่อย กลมกล่อม ทั้งมีรสเปรี้ยว ซ่า หวาน ดื่มง่าย ได้ประโยชน์ต่อร่างกาย ทั้งการสร้างสมดุลลำไส้ ฟื้นฟูระบบย่อยอาหาร ช่วยขับสารพิษออกจากร่างกาย ต้านอนุมูลอิสระ ยับยั้งสารก่อมะเร็ง ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ช่วยบำรุงสมอง บำรุงผิวพรรณ และชะลอวัย โดยมี 2 รสชาติให้เลือก ได้แก่ สูตรดั้งเดิม และสูตรไลท์ ทั้ง 2 สูตรนี้มีปริมาณชาหมักที่เข้มข้นเท่ากัน และมีปริมาณน้ำผึ้งเท่ากัน แต่รสชาติต่างกันด้วยปริมาณส่วนผสมของชาดำ ชาเขียว และชาอู่หลง นอกจากนี้ยังมี Fermenthé Sparkling เป็นอีกทางเลือกในการเพิ่มสีสันและความซาบซ่าเพิ่มเติมอีกด้วย
Fermenthé Kombucha จึงเป็นเครื่องดื่มสำหรับหญิงยุคใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพ สามารถดื่มได้ทุกเพศทุกวัย รวมถึงผู้ป่วยเบาหวานก็สามารถดื่มได้ ไม่มีส่วนผสมของน้ำตาล เพราะ Fermenthé Kombucha ใช้ความหวานจากหญ้าหวาน (Stevia) แทน
แหล่งข้อมูล
• https://www.bdmswellness.com/knowledge/2-women-s-health-issues